ขายฝาก คือ

ขายฝาก คือ

ขายฝาก คือ ขายฝากที่ดิน คือขายฝากที่ดินหมายถึงวิธีการทำนิติกรรมการค้าขายอสังหาฯ รูปแบบหนึ่ง ซึ่งกรรมสิทธิ์จะตกเป็นของผู้รับฝากซื้อในทันที แต่ข้อบังคับเปิดโอกาสให้คนที่ขายฝากนั้น สามารถนำเงินมาไถ่ถอนทรัพย์สินของตนได้ภายในช่วงระยะเวลาที่กำหนดดอกเบี้ยขายฝากที่ดินทางคนที่เป็นฝ่ายตั้งรับซื้อฝากก็จะได้รับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยวิธีขายฝากที่ดิน ดอกสูงสุดที่ 15% ต่อปี หรือ 1.25% ต่อเดือน อีกทั้งได้รับเงินจากแนวทางการขายฝากคืน เมื่อมีการไถ่คืนอีกด้วย แต่ว่าภายใต้ข้อตกลงแนวทางการขายฝากที่ดินตามกฎหมาย

ขายฝาก คือ

จะมีระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี หากว่าผู้ขายฝากที่ดินไม่มาไถ่ถอนคืน เงินทองหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นจะเป็นของคนรับฝากซื้อไปเลยความไม่เหมือนระหว่างขายฝากที่ดิน และก็ จำนำที่ดินหลายๆท่านบางทีอาจสงสัยว่า วิธีขายฝากและก็การจำนองที่ดินมีความต่างกันเช่นไร

พวกเราสามารถจับใจความผิดแผกระหว่างนิติกรรม 2 อย่าง ดังนี้ลักษณะสัญญาขายฝากที่ดิน : ผู้ขายฝากจำต้องโอนเงินไปอยู่ในมือของผู้รับซื้อฝากการจำนำที่ดิน : ผู้จำนองไม่ต้องโอนสินทรัพย์ไปอยู่ในมือผู้รับกรณีเกิดการทำผิดคำสัญญาขายฝากที่ดิน :

ตามกฎหมายวิธีขายฝากที่ดินถ้าหากว่าไม่มีการถอนถอนตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อตกลงขายฝากที่ดิน สามารถขยายเวลากี่ครั้งก็ได้ แต่รวมแล้วจำเป็นต้องไม่เกิน 10 ปี รวมทั้งถ้าเกิดว่าไม่มีการถอนถอนอีก เงินทองจะตกเป็นของผู้รับฝากซื้อทั้งสิ้นโดยทันทีตามสัญญา

การจำนำ : ถ้าหากครบข้อตกลงแล้ว สามารถจ่ายดอกเบี้ยยืดเวลาได้ไม่เกิน 5 ปี หรือผู้รับจำนำจะเลือกฟ้องศาลเพื่อบังคับคดีให้กรมบังคับคดีประมูลขายเงินเพื่อนำเงินมาจ่ายและชำระหนี้ ซึ่งระหว่างการฟ้องจะไม่สามารถนำสินทรัพย์นั้นไปขายเองได้

“หนี้สินศูนย์กลาง” บุริมสิทธิเหนือการจำนำระบบห้องชุดภายใต้ข้อบังคับว่าด้วยอาคารชุด และก็การจัดสรรที่ดินภายใต้กฎหมายเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดิน บังคับรวมทั้งกำหนดให้ผู้ครอบครองห้องชุดในห้องชุด หรือผู้ครอบครองร่วม แล้วก็ผู้บริโภคที่ดินแบ่งสรรในโครงงานจัดแบ่งที่ดิน

มีหน้าที่จ่ายค่าศูนย์กลาง ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และก็การจัดการสาธารณูปโภค ตามระเบียบกฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์ ความเห็นของห้องประชุมใหญ่สมาชิก ให้แก่นิว่ากล่าวบุคคลคอนโดมิเนียม – หมู่บ้านจัดสรร ตามหลักกฏเกณฑ์ กรรมวิธีการที่นิติบุคคลฯ กำหนด อนึ่ง

ค่าศูนย์กลางอาคารชุด รวมทั้งค่าใช้จ่ายสำหรับการบำรุงการรักษา แล้วก็การจัดการสาธารณูปโภคหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งนิติบุคคลคอนโดมิเนียม – หมู่บ้านจัดสรรเรียกเก็บกับกับสมาชิก คนซื้อจะผูกพันกับสมาชิกผู้ถือกรรมสิทธิ์ตลอดไป จนกว่าสมาชิกยังคงเป็นสมาชิกของนิติบุคคลห้องชุด – หมู่บ้านจัดสรร

เมื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ ทั้งเจ้าของร่วม รวมทั้งผู้ซื้อที่ดินจัดสรรขาย หรือขึ้นทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นให้บุคคล นิติบุคคลอื่น ภาระผูกพันกับค่าส่วนกลางก็จะหมดไปไป ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ หรือผู้ขายทรัพย์สิน

ข้อพิสูจน์เรื่องหนึ่ง ซึ่งเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดในอาคารชุด รวมทั้งผู้ครอบครองเจ้าของที่ดินจัดแบ่ง – สิ่งปลูกสร้าง *จำเป็นที่จะต้องรู้ จำเป็นต้องทราบ* เป็นต้นว่า ทั้งค่าศูนย์กลางคอนโดมิเนียม และค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าบำรุงรักษา แล้วก็การจัดการสาธารณูปโภคหมู่บ้านจัดสรร

ซึ่งนิติบุคคลห้องชุด – หมู่บ้านจัดสรรเรียกเก็บกับสมาชิกผู้ครอบครองนั้น ข้อบังคับกล่าวถึงคอนโดมิเนียม รวมทั้งการจัดสรรที่ดิน ทั้งสองฉบับ กำหนดให้เป็น *หนี้บุริมสิทธิ* หรือหนี้สินพิเศษ แตกต่างจากหนี้สินอื่นๆโดยหนี้สินดังกล่าวมาแล้วข้างต้นอยู่เหนือลำดับการจำนำของผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ทั้งสังหา

และก็อสังหาริมทรัพย์ เมื่อนิติบุคคลคอนโดมิเนียม – หมู่บ้านจัดสรร (โจทก์) ฟ้องคดีฟ้องร้องต่อลูกหนี้ผู้ครอบครองร่วมอาคารชุด และก็คนซื้อที่ดินจัดสรรหมู่บ้านจัดสรร บังคับให้ชำระหนี้ต่อศาลแล้ว โดยลูกหนี้ (เชลย) ไม่ยอมรับการจ่าย หรือจ่ายค่าศูนย์กลางให้แก่นิว่ากล่าวบุคคลอาคารชุด – หมู่บ้านจัดสรร (โจทก์)

ตามคำพิพากษาศาล (คดีถึงที่สุด) โดยศาลออกคำบังคับคดีให้แก่โจทก์ และก็เมื่อโจทก์ขายทอดตลาดสินทรัพย์ อีกทั้งหนี้สินค่าส่วนกลาง เงินเพิ่ม ค่าเสียหายชำระช้า เจ้าหน้าที่บังคับคดีจะกันเงินค่าศูนย์กลาง เงินเพิ่ม ค่าเสียหายชำระชักช้าตามคำตัดสินศาลให้แก่นิตำหนิบุคคลคอนโดมิเนียม – หมู่บ้านจัดสรร (โจทก์)

ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นดังนี้เมื่อหนี้ดังดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว นิติบุคคลห้องชุด หรือหมู่บ้านจัดสรรได้แจ้งให้บุคลากรข้าราชการฯ รู้และเข้าใจดีแล้วนิติบุคคลห้องชุด – หมู่บ้านจัดสรร จึงเชื่อมั่นได้ว่าเมื่อศาลอ่านคำพิพากษาให้อีกทั้งโจทก์และเชลยรู้แล้ว

ถ้าเกิดจำเลยบิดพลิ้วไม่จ่ายและชำระหนี้ค่าส่วนกลางแล้วก็เงินอื่นๆตามคำพิพากษาศาล หรือหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลทำขึ้นให้แก่โจทก์ จะได้รับการใช้หนี้ค่าใช้จ่ายดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นทั้งสิ้น เพียงแค่ท่าน อย่าลืมแจ้งลูกหนี้ สมาชิกทั้งยังผู้ครอบครองร่วม แล้วก็คนซื้อที่ดินจัดแบ่งให้ทราบ (ทุกคราว)

ว่าหนี้รายจ่ายดังกล่าวข้างต้นติดหนี้ติดสินบุขอบสิทธิอยู่เหนือลำดับการจำนองตามกฎหมายอย่างไรก็แล้วแต่ ข้อควรจะใส่ใจ “เพิ่มเติมอีก” ตัวอย่างเช่น เจ้าของสินทรัพย์ทั้งยังห้องเช่าในอาคารชุด คอนโดมิเนียม แล้วก็ที่ดินแบ่งสรร – สิ่งปลูกสร้างหมู่บ้านจัดสรรไม่สามารถหยิบยก “ข้ออ้าง”

เหตุที่การไม่จ่ายค่าครองชีพดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วต่อนิติบุคคลห้องชุด – หมู่บ้านจัดสรรแต่อย่างใด ทั้งการไม่ได้ใช้ประโยชน์สินทรัพย์ การไม่พอใจกิจกรรม หรือผลที่ได้รับจากการดำเนินงานของฝ่ายบริหาร ผู้มีอำนาจรับผิดชอบ การไม่เคยทราบ ไม่รู้จักความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่สมาชิก

การไม่จัดแจงซ่อมบำรุง เปลี่ยนแปลงสมบัติพัสถานเฉพาะบุคคลห้องเช่าที่พัง เหตุจากความย่ำแย่จากสมบัติพัสถานส่วนกลาง การไม่จัดให้มีบริการสาธารณะ หรือเครื่องอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลาง การไม่จัดการปรับปรุงความเสียหายอันมีต้นเหตุจากสมาชิกบางรายไม่ทำตามระเบียบปฏิบัติ กฎเกณฑ์ของกฎเกณฑ์ หรือทรัพย์สินอยู่ระหว่างวิธีขาย หรือให้เช่า อื่นๆอีกมากมาย ฯลฯ

ท่านสามารถอ้างได้ข้อเดียว อย่างเดียว อาทิเช่น การได้มาซึ่งอัตราค่าศูนย์กลางอาคารชุด แล้วก็/หรือค่าบำรุงรักษา แล้วก็การจัดการสาธารณูปโภคหมู่บ้านจัดสรร เป็นความเห็นชอบ หรือข้อกำหนดที่ขัด หรือเปล่าถูกใจด้วยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่สมาชิก ข้อกำหนด

แล้วก็กฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ท่านจำเป็นต้องทำงานฟ้องร้องคดีดำเนินคดี เลิกมติที่ประชุมใหญ่สมาชิกเกี่ยวกับเรื่องดังที่กล่าวมาข้างต้น ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ห้องประชุมมีมติอนึ่ง “ข้อเสนอ” ซึ่งมีความเห็นว่ามีประโยชน์ต่อสมาชิก เจ้าของเจ้าของสินทรัพย์

คอนโดมิเนียม แล้วก็หมู่บ้านจัดสรร เมื่อท่านเป็นลูกหนี้ หรือมีหนี้ค่าครองชีพดังกล่าวข้างต้นกับนิติบุคคลห้องชุด – หมู่บ้านจัดสรร และก็เพื่อไม่ให้เสียความเป็นมา ภาพลักษณ์ของสมาชิกต่อสังคมสาธารณะ รู้จักสิทธิ รวมทั้งหน้าที่ อีกทั้ง เพื่อหลบหลีกการถูกฟ้องร้องฟ้องร้องจากนิติบุคคลห้องชุด – หมู่บ้านจัดสรร

เสนอแนะให้คุณปฏิบัติ ดังต่อไปนี้รักษาระเบียบการคลังส่วนตน รู้จักการวางเป้าหมายการเตรียมรายจ่ายส่วนกลางไว้เป็นการล่วงหน้ารู้จักการหา“ผลประโยชน์”จากเงินทอง เมื่อไม่ได้ใช้ประโยชน์ขายเงิน เมื่อไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ และไม่อยากให้เช่าขออนุมัติผ่อนผันเป็นหนังสือ

แบ่งชำระหนี้เป็นงวด พร้อมเงินเพิ่ม ค่าเสียหาย และไม่ค้างชำระค่าส่วนกลางรอบหรือเดือนถัดไปอีก และควรเลี่ยงการค้าขายงจ่ายค่าศูนย์กลาง เนื่องจากว่าผลกระทบในด้านที่เสียหายมีหลายข้อ เช่น ถูกตัดสิทธิการออกเสียงในที่ประชุมใหญ่สมาชิก

การพ้นจากการเป็นกรรมการหมู่บ้านจัดสรรตามข้อบังคับ หรือความเห็นที่ประชุมใหญ่สมาชิก การเช็ดกอายัดโฉนดที่ดินโดยพนักงานเจ้าหน้าที่“กรมที่ดิน”รวมทั้งอาจมีการเสี่ยงสูงต่อการเช็ดกดำเนินคดีตามข้อปฏิบัติ และกฎหมายในอนาคต

“ความจริง” ซึ่งพบเห็นมานานหลายสิบปี ตัวอย่างเช่น ยังไม่ปรากฏว่าลูกหนี้สมาชิก ทั้งผู้ครอบครองเจ้าของห้องชุดในห้องชุด รวมทั้งที่ดินจัดแบ่งหมู่บ้านจัดสรร “เชลย” รายใดที่ถูกนิติบุคคลอาคารชุด – หมู่บ้านจัดสรร “โจทก์” ฟ้องคดีฟ้องร้อง เพื่อขอให้ศาลสั่งการใช้หนี้

ตามมูลหนี้ที่ฟ้อง *ชนะคดีแม้กระทั้งรายเดียว*มีแต่ว่าลูกหนี้สมาชิก “เชลย” เว้นแต่เสียเรื่องราว ภาพลักษณ์ หรือเสียสิทธิตามข้อกำหนดข้อกำหนด แล้วก็กฎหมาย เสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายแล้ว ยังอาจถูกสบประมาทจากสังคมในชุมชน “ท่านเป็นคนเห็นแก่ตัว และเอารัดเอาเปรียบสังคมส่วนรวม”

ค่าลงทะเบียนขายฝากที่ดิน :

มีค่าประเพณีขายฝากที่ดิน 2% จากราคาประเมินที่ดิน 2564 และจะต้องชำระภาษีรายได้หักในที่จ่าย พร้อมด้วยค่าอากรแสตมป์ที่กรมที่ดินตามกฎหมายระบุ การจำนำ : มีค่าขนบธรรมเนียมอัตรา 1% จากวงเงินที่นำมาทำการจำนำ แม้กระนั้นไม่เกิน 200,000

บาทวงเงินสำหรับในการอนุมัติขายฝากที่ดิน : คำสัญญาขายฝากที่ดินได้วงเงินโดยประมาณ 40-70% ของราคาประเมินการจำนอง : โดยส่วนมากจะได้วงเงินที่น้อยกว่า 50% ของราคาประเมินสรุป – ขายฝากที่ดินที่ใดดียุคนี้แนวทางการขายฝากโฉนดที่ดินนับว่าเป็นช่องทางสำหรับเพื่อการหาแหล่งเงินทุน

ซึ่งคนไม่ใช่น้อยเลือกที่จะขายฝากที่ดินกับธนาคาร ซึ่งข้อบังคับแล้วไม่อาจจะขายฝากกับธนาคารได้ หากต้องขายฝากกับแหล่งเงินทุนแคว้นก็สามารถทำเป็นง่าย และไม่ต้องยุ่งยาก แต่ว่าวิธีขายฝากเจ้าของหลักทรัพย์ออกจะเสียเปรียบอย่างยิ่งกู้เงิน รับรอง จำนอง

จำนำข้อตกลงเงินกู้ยืมต้องปิดอากรแสตมป์หรือเปล่า หากปิดแต่ว่าไม่ได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์จะมีผลอย่างไรเมื่อเจ้าหนี้ไม่มีหนังสือบอกกล่าวภายใน 60 วันนับแต่ลูกหนี้ผิดนัดผู้ค้ำประกันหลุดพ้นไหมเจ้าหนี้เงินกู้คิดดอกเบี้ยเกินปริมาณร้อยละ 15 ต่อปี ได้หรือเปล่ามีผลในคดีแพ่งอย่างไร

ข้อตกลงกู้หนี้ยืมสินไม่ได้ตั้งเวลาใช้หนี้ใช้สินไว้ เมื่อเจ้าหนี้ทวงเงินกู้ยืมคืนลูกหนี้จะต้องคืนเงินเมื่อใดสัญญากู้เงินมิได้กรอกจำนวนเงินไว้เจ้าหนี้กรอกจำนวนเงินเองมีความผิดหรือเปล่า คำสัญญาฯใช้บังคับได้หรือไม่ มีผลเช่นไรผู้จำนำไม่ไถ่คืนทรัพย์ด้านในกำหนด

ถ้าหากผู้รับจำนองเอาเงินออกขายบุคคลอื่นโดยผู้จำนำไม่ยินยอมจะมีความผิดฐานยักยอกหรือเปล่าการกู้ยืมเงินทางไลน์หรือเฟสบุ๊ก ไม่มีคำสัญญากู้หนี้ยืมสินเป็นหนังสือฟ้องได้หรือเปล่า

ผลของข้อตกลงจำนำ

๑. ผู้รับจำนองมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินทองที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญ โดยไม่ต้องคำนึงว่าเจ้าของ ในเงินทองนั้นจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือไม่ก็ตาม

๒. นอกเหนือจากนั้นผู้รับจำนำยังมีสิทธิที่จะเรียกเอาทรัพย์สินที่จำนองนั้นหลุดเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองได้ถ้าเกิดเข้าข้อตกลง ดังต่อไปนี้ เป็น

๒.๑. ลูกหนี้ได้ขาดส่งดอกเบี้ยมาแล้วตรงเวลาถึง ๕ ปี

๒.๒. ผู้จำนองไม่ได้แสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลว่าราคาทรัพย์สินนั้นท่วมจำนวนเงินอันติด และ

๒.๓. ไม่มีการจำนำรายอื่น หรือบุขอบสิทธิอื่นได้ขึ้นทะเบียนไว้เหนือเงินอันเดียวกันนี้เอง

๓. หากเอาเงินซึ่งจำนำออกขายขายทอดตลาดใช้หนี้ได้เงินปริมาณสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันอยู่ หรือ ถ้าหากเอาทรัพย์สินซึ่งจำนำหลุดเป็นของผู้รับจำนำรวมทั้งราคาสมบัติพัสถานนั้นมีราคาต่ำกว่าจำนวนเงินที่ติดกันอยู่ ทั้งคู่กรณีนี้เงินยังขาดอยู่เท่าใด

ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบจำนวนในเงินที่ยังขาดอยู่นั้นข้อยกเว้น แต่ถ้าหากในสัญญาจำนำได้ตกลงกันไว้ว่า ในเรื่องที่มีการบังคับจำนองแล้วได้เงินไม่เพียงพอชำระยอดหนี้ ขายฝาก จํานอง เงินที่ยังขาดปริมาณนี้ลูกหนี้ยังต้องรับสารภาพชดเชยให้แก่ผู้รับจำนำจนครบบริบรูณ์

ข้อตกลงเช่นนี้มีผลบังคับได้ ไม่ถือได้ว่าเป็นการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ผู้รับจำนองมีสิทธิที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ส่วนที่ยังขาดปริมาณอยู่ดังที่กล่าวมาแล้วได้อีกจนครบ

๔. ในเรื่องที่มีการบังคับจำนอง เมื่อนำที่ดินออกขายทอดตลาดได้เงินสุทธิเท่าไรแล้ว ก็ให้นำเงินดังกล่าวมาแล้วข้างต้นใช้หนี้คืนให้แก่ผู้รับจำนอง หากมีเงินเหลืออยู่เท่าใดก็ให้ส่งคืนให้แก่ผู้จำนอง ผู้รับจำนองจะเก็บไว้เสียเองมิได้ขอบเขตของสิทธิจำนองผู้รับจำนำมีสิทธิบังคับจำนองได้เฉพาะที่ลงทะเบียนจำนำเพียงแค่นั้น

จะไปบังคับถึงเงินทองอื่นๆที่ไม่ได้ลงทะเบียนจำนำไม่ได้อาทิเช่น จำนองเฉพาะที่ดินย่อมไม่ครอบถึงโรงเรือนหรือบ้านที่ปลูกคราวหลัง วันจำนำ เว้นแต่ว่าจะได้ตกลงกันไว้ก่อนว่าให้รวมถึงบ้านและก็โรงเรือนดังที่กล่าวถึงแล้วด้วย ,จำนำเฉพาะบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของผู้อื่น

ก็มีสิทธิเฉพาะบ้านเท่านั้น , จำนำย่อมไม่เกี่ยวข้องถึงดอกผลแห่งเงินซึ่งจำนอง เช่น จำนองสวนผลไม้ดอกผลที่ได้จากสวนผลไม้ยังคงเป็นเจ้าของของผู้จำนองอยู่ทรัพย์สินซึ่งจำนองอยู่นี้ ย่อมเป็นหลักประกันเพื่อการใช้หนี้ดังนี้

๑. เงินต้น

๒. ดอกเบี้ย

๓. ค่าทำขวัญสำหรับการไม่จ่ายหนี้ ดังเช่น ค่าทนายความ ค่าฟ้อง

๔. ค่าธรรมเนียมสำหรับในการบังคับจำนำ

กลับสู่หน้าหลัก