movie to free เต็มเรื่อง หนังใหม่ชนโรง 2022
movie to free ภาพยนตร์ เพลงน่าฟัง ที่มองดีแล้วฟังก็เพลิดเพลิน เสียงดนตรี เสียงเพลง ส่วนประกอบที่สำคัญอันยิ่งยวดไม่แพ้ส่วนอื่นๆในงานภาพยนตร์ เป็นมากกว่าความเพราะเพลิน มันช่วยสนับสนุนเรื่องราว สร้างอารมณ์ สร้างความรู้สึกร่วม เปรียบเหมือนตัวต่อที่จำเป็น มีหนังหลายเรื่องที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเพลงรวมทั้งดนตรีออกมาได้อย่างประดิษฐ์ รวมทั้งมีอีกหลายเรื่องที่เพลงในประเด็นนั้นๆแปลงเป็นเพลงได้รับความนิยมไปทั่วบ้านทั่วทั้งเมือง โดยเหตุนี้ในเนื้อหานี้พวกเราจะมาเสนอแนะ 10 หนัง ภาพยนตร์ เพลงไพเราะที่มองดีแล้ว ฟังก็เพลิดเพลิน
เปิดความลับ “หนังตามที่เกือบจะมิได้สร้าง” กับ The Movies That Made Us เป็นสารคดีที่ออกฉายทางสตรีมมิ่ง Netflix ผลงานการคิดของไบรอัน โม้ล์ค-วีซซ์ ที่ถือเอา 4 หนังเรื่องดังในสมัยก่อนไม่ว่าจะเป็น Dirty Dancing, Home Alone, Ghost Busters รวมทั้ง Die Hard มาเชือดย้อนกลับไปว่าตกลงแล้วหนังพวกนี้มีที่ไปที่มาสำหรับเพื่อการสร้างอย่างไร ในเวอร์ชั่นที่คนธรรมดาทั่วไปบางทีอาจจะยังไม่รู้จักมาก่อน
นี่เป็นหนังเรื่องแรกที่ระลึกถึงเมื่อกล่าวถึงหนังเพลง หนัง ภาพยนตร์ Once – หัวใจร้องว่ารักคุณ m ovie to free ผลงานการดูแลรวมทั้งเขียนบทของ John Carney กับเรื่องราวที่บรรยายถึงการโคจรมาเจอะกันของคนสองคนท่ามกลางเมืองที่วุ่นวาย ชายผู้เป็นนักเล่นดนตรีริมถนนแม้กระนั้นไม่กล้าร้องที่ตนเองแต่ง กับสาวต่างเมืองที่อุตสาหะปรับนิสัยในเมืองใหม่ถูกใจเล่นเปียโนแม้กระนั้นไม่มีเป็นของตนเองก็เลยจำต้องไปเล่นในร้านค้าขายอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรี เมื่อทั้งคู่ได้เจอกันมันต่างเติมเต็มในหลายส่วนของกันและกัน
ชายหนุ่มนิวยอร์กนาม จอห์น ชิกกี้ โดโนฮิว (Chickie Donohue)สร้างความกล้าหาญบ้าดีเดือดด้วยการหอบเบียร์สดกระป๋องใส่กระเป๋าใบโต แล้วแรมรอนเดินทางโดยเรือตรงเวลา 2 เดือน เพื่อเอาเบียร์สดไปฝากเพื่อนฝูงๆที่ถูกกฏเกณฑ์เป็นทหารไปรบในเวียดนาม เรื่องราวของเขานี้ พูดได้ว่าเป็นตำนานที่ถูกกล่าวขวัญกันมายาวนานตั้งแต่ปี 1967 ที่เขาก่อความกล้าหาญในปีนั้น แล้วถูกเล่าต่อเป็นบทความในแมกกาซีนหลายเล่ม กระทั่งในปี 2017 เรื่องราวนี้ก็ถูกเผยแพร่เป็นหนังสือชื่อ The Greatest Beer Run Ever: A Memoir of Friendship, Loyalty, and War เขียนโดยตัว ชิกกี้ โดโนฮิว เอง ร่วมกับ เจ.คราว. มัลรอย (J. T. Molloy) อดีตกาลผู้รายงานข่าวหนังสือพิมพ์ NY Daily News
รีวิวซีรีส์ประเทศเกาหลี “Nobody Knows การฆ่าศักดิ์สิทธิ์”
สะท้อนชีวิตมิตรภาพ พร้อมบรรยายไทยครบทุกตอน! สำหรับแฟนคลับสายซีรีส์แนวสอบสวน ดราม่า ไม่สมควรพลาดที่จะมองหัวข้อนี้ Nobody Knows การฆาตกรรมศักดิ์สิทธิ์ เพราะเหตุว่าเป็นซีรีส์น้ำดีอีกเรื่องหนึ่ง ที่สะท้อนเรื่องราวของความเกี่ยวพัน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คุณครู-เด็กนักเรียน หรือเพื่อนพ้อง เป็นเงื่อนมิตรภาพที่ซีรีส์ได้วางเอาไว้ รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในนักแสดงต่างๆเป็นจุดเชื่อมเรื่องราวให้มาบรรสิ้นสุดกัน
ผมมองคราวแรกก็รักหนังหัวข้อนี้เลย จากซีดีที่พี่ซื้อมานั่งเปิดผ่านโน๊ตบุ๊คเก่าๆในบ้าน กับเรื่องราวของคนสองคนจริงๆที่ไม่เคยทราบถึงแม้ว่าจะชื่อของกันและกัน นี่ไม่ใช่หนังทุนสูง ภาพงาม มุมกล้องถ่ายรูปล้ำๆมันตรงกันข้ามเลยครับผม เนื่องจากว่ามันถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเรียบง่าย ปกติ แต่ว่าทั้งผองที่เกิดขึ้นในหัวข้อนี้มองจริงอย่างมาก โดยยิ่งไปกว่านั้นการแสดง ที่ทำให้ผู้ชมอย่างพวกเรารู้สึกตามไปด้วย และก็เพลง Falling Slowly อันแสนเพราะที่ร้องเพลงโดย Glen Hansard แล้วก็ Markéta Irglová สองดารานำผ่านเสียงกีตาร์และก็เปียโน ส่งให้เพลงนี้ได้รับรางวัลจากเวทีออสการ์ด้วย
โดนัล เบื่อ กางล็ค รับหน้าที่เป็นคนอธิบายเรื่องราวตลอดทั้ง 4 ตอน โดยทีแรกๆนั้นพาผู้ชมไปทำความรู้จักกับ Dirty Dancing หนังรักโรแมนติก ที่ขึ้นทำเนียบหนังเต้นในดวงใจของเหล่าวัยรุ่นสมัย 80 นานมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ว่าทราบหรือไม่ว่า ความเป็นจริงแล้วหนังประเด็นนี้แทบมิได้รับการผลิตด้วย ด้วยเหตุว่ามันเป็นหนังที่ประธานค่ายยักษ์ใหญ่ไม่ยินดี ส่อแววเจ๊งตั้งแต่ยังไม่ทันได้สร้าง ประเมินแล้วอย่างไรก็ขาดทุน แม้กระนั้นแปลงเป็นว่า เมื่อหนังได้รับการผลิตออกมา เปลี่ยนเป็นความได้รับความนิยมถล่มทลาย มิหนำซ้ำยังมีเพลง (I’ve Had) The Time Of My Life ที่ยังได้รับความนิยมผ่านยุคสมัยมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
ด้วยสาเหตุอันเกิดจากที่ความกล้าหาญของชิกกี้นั้น เป็นการปฏิบัติที่ระห่ำ ชาญชัย แล้วก็มีความหุนหันพลันแล่นของชีวิตวัยรุ่นที่เล่าต่อจำนวนกี่ครั้งก็ยังสนุกสนาน หากแม้เรื่องราวจะผ่านมากมายว่า 50 ปีแล้วหลังจากนั้นก็ตาม สมกับที่ชิกกี้เองก็บ่นว่าเบื่อที่จะเล่าราวนี้ซ้ำๆซากๆกระทั่งชิกกี้พูดว่าเลิกกันที แต่แล้วพอถึงปี 2015 ความกล้าหาญของชิกกี้ก็กลับมาเป็นที่เอ๋ยถึงอีกทีเมื่อคณะทำงาน Pabst Blue Ribbon ได้ถ่ายทอดตำนานนี้ออกมาในรูปสารคดี 13 นาที เนื่องในวันทหารที่เคยออกรบ มีผู้ชมไปแล้วกว่า 1 ล้านครั้ง ถึงที่ตรงนี้ ชิกกี้ก็เลยตกลงใจเล่าความกล้าหาญของเขาออกมาเป็นหนังสือมันซะเลย แม้กระนั้นความกล้าหาญสุดขั้วของเขาก็ยังไม่จบลงไปกล้วยๆเมื่อสตูดิโอ Skydance Media ตกลงซื้อลิขสิทธิ์หนังสือมาสร้างเป็นภาพยนตร์
Nobody Knows การสังหารศักดิ์สิทธิ์ เกิดเรื่องราวของ ชายองจิน (สวมบทโดย คิมซอฮยอง) ข้าราชการสายลับคดีอาชญากรรม ที่ในวัยเด็กคุณสูญเสียเพื่อนเกลอจากความสามารถของฆาตกรโรคจิต แม้กระนั้นแล้วเมื่อเวลาผ่านไปแทบ 20 ปี movie to free กลับมีการการฆาตกรรมในต้นแบบเดิมขึ้นอีกที ทำให้มีอาการชายองจินจำเป็นต้องประจันหน้ากับคดี และก็เป็นจุดเริ่มที่คุณออกตามล่าตัวคนร้าย!
แต่ว่าตอนที่ยองจินยังคงหาหลักฐานและก็ทำความเข้าใจประเด็นของคดีการฆ่าสม่ำเสมอ ก็เกิดเหตุการณ์คาดไม่ถึงกับ โกอึนโฮ (สวมบทโดย อันจีโฮ) เด็กนักเรียนมัธยมที่เป็นเพื่อนบ้านของคุณ ตกลงมาจากอาคารโคม่า คุณมั่นใจว่าประเด็นนี้ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย หรืออุบัติเหตุ ก็เลยตกลงใจสืบคดีนี้ กับคดีการฆ่าสังหารสม่ำเสมอ
ในฐานะที่นักเขียนได้เคยเขียนเรื่องราวการเสี่ยงภัยของชิกกี้มาแล้ว ก็มีความเห็นว่าเกิดเรื่องราวที่ฟังมองเกินจริงและก็น่าสนุกดี สมกับที่เรื่องราวนี้ไม่เคยห่างหายไปตลอด 50 กว่าปีให้หลังนี่ แต่ว่าการที่เรื่องราวนี้จะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ได้นั้น ก็ยังสร้างความรู้สึกคลางแคลงว่า เรื่องราวของชายหนุ่มนิวยอร์กหิ้วเบียร์สดมาฝากสหายที่รบอยู่ในเวียดนามนั้น การเล่าสู่กันฟังแบบสั้นๆก็มองน่าดึงดูดดี
แม้กระนั้นจะเล่าออกมาเป็นหนังยาวเช่นไรให้น่าดึงดูด ก็จนตราบเท่าได้ดูหนังแล้ว ถึงเห็นด้วยว่าหนังอยู่ในมือของผู้กำกับและก็เขียนบที่ถูกคน ด้วยเหตุว่า ปีเตอร์ ฟาเรลลี่ นั้นก็มีประสบการณ์สำหรับการทำหนังที่ว่าด้วยการเดินทางไกลบนเบื้องหลังที่ใจความสำคัญไม่ตรงกันเรื่องสีผิวกันมาแล้วใน Green Book พอเพียงมาคราวนี้ใน The Greatest Beer Run Ever ก็จัดว่ามาในธีมที่ใกล้เคียงกัน เรื่องราวของมิตรภาพระหว่างเพื่อนฝูงกับข้อความสำคัญเรื่องความคิดเห็นของราษฎรอเมริกันต่อการทำศึกเวียดนาม ที่แบ่งเป็น 2 ข้างกันอย่างแจ่มแจ้ง
ข้อเท็จจริง Dirty Dancing เป็นหนังที่ได้รับการผลักดันและส่งเสริมของเหล่า “สตรี” โดยยิ่งไปกว่านั้นมือเขียนบทอย่าง เอเลนอร์ เบิร์กสไตน์ ผู้ครอบครองเรื่องราวที่จับเอาส่วนเสี้ยวของชีวิตตนเองในวัยรุ่นมาปรับเป็นตัวละครเอกของเรื่องอย่าง “เบบี้” ที่เดินทางไปยังบ้านพักตากอากาศอย่างแคทสกิลกับบิดาของคุณ ก่อนจะได้ว่าการเต้นที่เรียกว่า “เดอร์ตี้ แดนซ์ซิ่ง” เป็นการปลดล็อคตนเองรวมทั้งได้เจอรักกับจอห์นนี่ แคสเซิ้ล (แพทริก สเวซี)
หนัง ภาพยนตร์ Begin Again
เนื่องจากรักเป็นเพลงรัก ยังคงอยู่ที่ผลงานการดูแลรวมทั้งเขียนบทของ John Carney ที่ยังคงเป็นหนังเพลงดังเช่นเดิม แต่ว่าในโอกาสนี้ไม่เหมือนกับเรื่องแรกอย่างสิ้นเชิงในทางของการนำเสนอ หัวข้อนี้มีแนวทางพราวแพรว อีกทั้งมุมกล้องถ่ายรูป เรื่องราว แถมยังได้ศิลปินอย่าง Keira Knightley แล้วก็ Mark Ruffalo มานำแสดง แถมยังพ่วง Adam Levine มาแสดงด้วย
หนังบอกเล่าเรื่องราวของ Gretta สาวที่เดินทางมานิวยอร์กเพื่อติดตามความฝันสำหรับเพื่อการเป็นนักร้อง แต่ว่าแฟนชายหนุ่มของคุณดันได้งานกับค่ายใหญ่ คุณก็เลยเปลี่ยนเป็นเพียงแค่ทางผ่านแล้วก็โดนทิ้ง ไม่ถูกกับคุณที่จำต้องดิ้นรนไปร้องในห้องอาหาร แม้กระนั้นมันก็ไปสะดุดตา Dan โปรดิวเซอร์ย่ำแย่ ที่มองเห็นแววรุ่งของคุณ และก็การพบกันของทั้งคู่ก็ได้เปลี่ยนแปลงทั้งสองไปนิรันดร
เนื่องจากว่าหนังมีความเป็นส่วนตัวสูง เอเลนอร์ที่ต้องการจะเล่าราวพวกนี้แทรกลงไปในบทภาพยนตร์เรื่องอื่นๆที่คุณได้โอกาสเขียนบท แม้กระนั้นด้วยระบบสตูดิโอที่มีหัวขบวนเป็นเหล่าเพศชายซึ่งนั่งแท่นซีอีโอกลับไม่เห็นสิ่งที่จำเป็นของเรื่องราวโรแมนซ์กลุ่มนี้ พวกเขาก็เลยไม่รู้เรื่องและก็ต้องการจะพรีเซ็นท์หนังในแบบที่พวกเขาอยากที่จะให้เป็น คุณก็เลยจะต้องดิ้นรนต่อสู้ หาผู้ส่งเสริมไม่ว่าจะเป็นการหาตัวโปรดิวเซอร์ที่ถูกใจในผลงานของคุณและก็สามารถสนับสนุนให้โปรเจกต์นี้ได้เกิดขึ้นจริงได้สุดท้าย
คือเรื่องธรรดาล่ะครับผม เมื่อหนังสือไม่ว่าจะเป็นนิยายหรือบันทึกเหตุการณ์จริง เมื่อถูกปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ก็ย่อมมีการเสริมเติมแต่ง เป้าประสงค์เพื่อเรื่องราวตรึงความพึงพอใจผู้ชมให้อยู่กับหนังได้ตลอดรอดฝั่ง อย่างในประเด็นนี้หนังยังคงเค้าโครงเรื่องหลักไว้ว่า เหตุกำเนิดในปี 1967 ตอนที่อเมริกาส่งกองกำลังไปรบในการทำศึกเวียดนาม ชิกกี้คบหาสมาคมกับเพื่อนพ้องๆในบาร์ประจำ
ซึ่งสหายๆหลายท่านที่เคยรับประทานดื่มร่วมกันก็ถูกส่งไปรบในเวียดนาม พนักงานผสมเหล้าก็เลยเปรยๆขึ้นมาว่า นึกถึงชายหนุ่มๆที่เปรียบได้ดั่งบุตรหลานแต่ว่าจะต้องถูกไปส่งในเวียดนาม อยากที่จะให้ชายหนุ่มๆเหล่านี้ได้ดื่มเบียร์สดด้วยจัง ชิกกี้ก็เลยพูดโพล่งออกมาว่า ถ้าอย่างนั้นเขาจะอาสาเอาเบียร์สดไปส่งให้สหายๆเอง หนังก็ดำเนินเรื่องเร็วนะครับ ไม่ถึง 30 นาที ชิกกี้ก็ไปถึงเวียดนามแล้ว จุดหมายของชิกกี้เป็นเพื่อนฝูงๆ6 คน คนหนึ่งเสียชีวิตในสนามรบ
อีกคนปลดปฏิบัติหน้าที่กลับมาสหรัฐอเมริกา แล้ว ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ 4 คนนั้น ชิกกี้ก็แรมรอนไปส่งเบียร์สดได้ครบอีกทั้ง 4 คน แต่ว่าเรื่องราวที่ถูกปรับแต่งในส่วนนี้ก็คือ ในความจริงนั้นชิกกี้อยู่ในเวียดนามถึง 2 เดือน แม้กระนั้นในหนังนั้นมีการปรับช่วงเวลาเหลือเพียง 3 วัน การจำกัดเวลาขึ้นมานั้นก็ได้ผลในทางที่ดี ชิกกี้เลยจะต้องทำหน้าที่แข่งกับเวลา หากเลย 3 วันเรือที่เขาขึ้นรถมาจะออกมาจากท่า เขาจะไม่อาจจะกลับนิวยอร์กได้
โดยเรื่องราวในตอนต้นการเดินเรื่องที่เกิดขึ้นจะสะท้อนความข้องเกี่ยวของผู้เรียนมัธยม ที่มีปัญหาคล้ายกันในด้านของครอบครัวที่ไม่ดูแล ใส่ใจ ไม่สนใจความรู้สึกของพวกเขา รวมทั้งคนแก่สนิทสนมเองก็ไม่พินิจปัญหาหรือความประพฤติของผู้เรียนพวกนั้น ทั้งที่คือปัญหาฐานรากของเด็กทั่วๆไป เพียงแต่ว่าคนแก่จะพอใจไหม โดยทางซีรีส์ก็มีการสร้างเงื่อน แล้วก็คลายเงื่อนของแต่ละผู้แสดงได้อย่างมีเหตุมีผล ซึ่งเป็นแนวทางรากฐานซึ่งสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ อย่างการยอมรับฟังปัญหาของเด็กๆพวกนั้น เพื่อคุ้มครองปกป้องสิ่งไม่ดีที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งการวางใจ รู้เรื่องกันให้เยอะขึ้น
รวมทั้งการเพิ่มผู้แสดงผู้สื่อข่าวการสู้รบอย่าง อาร์เธอร์ วัวตส์ เข้ามา แล้วได้ รัสเซล วัวรว์ (Russell Crowes) มารับบทนี้ ซึ่งเดิมเป็นบทของ วิกโก มอร์เตนเซน ที่ถอนตัวออกไป ข้างหลังหนังตกมาอยู่กับ APPLE TV มอร์เตนเซนก็ถอนตัวออกไป เวลาของวัวตส์บนจอนั้นแม้ว่าจะไม่มากเท่าไรนัก โผล่มาเพียงแค่ช่วงท้ายของหนัง แต่ว่าหน้าที่ของเขาก็มากพอมอง ช่วยทำให้ปรับหนังมีฉากเสี่ยงอันตรายในเมือง
ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้ชิกกี้ที่เคยช่วยเหลือหน้าที่ของกองกองทัพอเมริกันมาตลอดให้แปรไป รวมทั้งด้วยแรงกระตุ้นของผู้แสดงชาวเวียดนามอย่าง โอคลาโฮมา ที่คงจะเศร้าโศกผู้ชมพอสมควรแม้กระนั้นใช่ว่า The Movies That Made Us จะเสนอแค่เพียงผลกรรมของเหล่าผู้ผลิตแค่นั้น movie to free มันยังพาพวกเราไปตรวจสอบเหล่าดาราเหตุว่า ตามที่เป็นจริงแล้วการตามติดคู่ขวัญพระนางระหว่างแพทริก สเวซีแล้วก็เจนิเฟอร์ เกรย์นั้น ตอนแรกพวกเขาเกือบจะไม่ตรงกัน รวมทั้งเกือบมิได้แสดงหนังด้วยกันด้วยไป
แต่ว่าด้วยความเป็นมือโปรแล้วก็ต้องการที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จลุล่วง ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างก็เลยออกมาแบบที่พวกเราได้มองเห็นแบบในหนัง ยังไม่รวมถึงฉากไคลแม็กซ์ในตำนานที่แพทริก สเวซีต้องช้อนบั้นท้าย เจนิเฟอร์ เกรย์ให้ดูเหมือนกับว่าคุณได้โบยบินจนถึงเป็นฉากตรึงตราตลอดไป ตามที่เป็นจริงแล้วกว่าจะได้ฉากนี้แพทริก สเวซีจำต้องทนทรมานจากลักษณะของการปวดหัวเข่า ซึ่งเรื้อรังมานานด้วยไป
ทางที่ Mare of Easttown (สร้างโดยกางรด อิงเกลสบี และดูแลโดย เคขจัดขจาย โซเบล) เลือกเดินรวมทั้งกลับความคาดหมายของผู้ชมที่มีต่อหนังสืบเชื้อสายนี้ เป็นการทำให้นี่เป็นซีรีส์ดราม่า-ครอบครัว และจากนั้นก็การสร้างนักแสดงแมร์ ให้เป็นตำรวจที่ความรู้ความเข้าใจไม่ได้อาจหาญรวมทั้งเป็นแม่ที่แสนจะไม่เปอร์เฟค แมร์เป็นตัวละครที่เราเอาใจช่วย แม้กระนั้นเวลาเดียวกันก็เป็นตัวละครที่หลบซ่อนความน่ารังเกียจ ความเห็นแก่ตัว และก็เงื่อนผิดบาปไว้เยอะแยะ คุณสบถคำพูดที่ไม่สุภาพและหยาบคายตลอดเวลา เปิดเบียร์สดกินตลอดเวลา แล้วก็มักตกลงปลงใจใจร้อน ไม่แคร์คนรอบข้าง แน่นอนว่าลึกๆคุณเป็นแม่ (และก็เป็นคุณคุณยายด้วย ทั้งๆที่อายุยังไม่ได้มากไม่น้อยเลยทีเดียวขนาดนั้น)
การแต่งกายของซีรีส์ประวัติศาสตร์เป็นอะไรที่เครื่องเพชรพลอยเยอะแยะ ซึ่งทำออกมาได้ครบ รวมทั้งได้เห็นแตกต่างกันของดาราหนังผ่านการแต่งกายของขั้นนั้นๆแต่หนึ่งสิ่งที่ถูกอกถูกใจเป็น ความค่อย รวมทั้งสะอาดของการเสริมสวย เผยให้เห็นผิวหน้าของศิลปินพอสมควร ชวนน่าดูแบบกับคาแรคเตอร์ของผู้แสดง หรือโทนอ่อนๆพอให้ได้เห็นสีสันน้อยๆนอกเหนือจากการแต่งหน้าเสริมสวยสำหรับบทดำรงชีพวันแล้ววันเล่า นิดเดียวของการแต่งหน้าเสริมสวยของการบาดเจ็บระบมค่อนจะสมจริงสมจังทีเดียว
อีกหนึ่งอรรถรสที่ขาดไปไม่ได้ ขอเริ่มที่เสียงบรรยายไทย ค่อนจะที่จะไหลลื่นหูจำนวนมาก คัดเลือกเสียงวิทยากร กับคาแรคเตอร์ดาราเข้ากันได้ รวมทั้งส่งอารมณ์ไปตามหน้าที่ได้อย่างเต็มอารมณ์ทำให้มันกลมกล่อมละมุนละไมมากไม่น้อยเลยทีเดียวในตอนรับมอง อีกหนึ่งเสียงที่ดีงามรวมทั้งส่งให้เข้าถึงซีรีส์เป็น ดนตรีพื้นด้านหลัง ขับร้องแล้วก็ใส่เข้ามาตามแต่ละฉากได้อย่างสนองตอบอารมณ์ของฉากนั้นๆอย่างพอดิบพอดี ไม่ว่าจะดนตรีตอนฉากลุ้นระทึก หรือฉากเศร้าใจเคล้าอารมณ์ได้สมบูรณ์แบบ
ซึ่งตัวของ Aron Ralston ได้ถ่ายคลิปตัวเองในขณะที่ติดหินอยู่จริงๆและน้อยคนมากมายก่ายกองที่จะได้แลเห็นคลิปนี้ เขาให้แค่เพียงเพื่อนสนิทรวมทั้งครอบครัวดูเท่านั้นเอง เขาเก็บมันเอาไว้ภายในเซฟอย่างแน่นหนา หากแม้ทั้ง James Franco และผู้กำกับ Danny Boyle ได้รับอนุญาตให้ดูฟุตพวกนั้นเพื่อได้เอามาถ่ายทอดในหนังได้อย่างตรงมากที่สุด
หนัง ภาพยนตร์ 127 Hours – 127 ชั่วโมง
ผลงานการควบคุมแล้วก็เขียนบทของ Danny Boyle ที่ดัดแปลงแก้ไขมาจากเรื่องจริงของนักไต่ผา Aron Ralston โดยคนที่มารับบทนี้เป็น James Franco กับเรื่องราวของชายที่ไปปีนผาคนเดียว แต่ว่าเขาดันเกิดอุบัติเหตุตกลงไปในร่องเขา ซวยซ้ำมีหินตกลงมาตามน้ำหนักกว่า 360 กิโลมาทับแขนข้างขวาเค้า ทำให้เขาต้องติดแหตระหนี่อยู่โน่น โดยมีน้ำแล้วก็อาหารเพียงแค่น้อยนิด
เอาแบบตั้งใจจริงไม่อวย เป็นช่วยด้วย! หยุดคอยมองซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้เลย มันเข้มข้นตั้งแต่ช่วงต้นเรื่อง และจากนั้นก็องค์ประกอบทุกสิ่งทุกอย่างดีงามมากมายก่ายกอง แอบกระซุบกระซิบอีกสักน้อย ตอนสุดท้ายตอน 6 มีความหวานมานิดๆมาให้ได้ยุกยิกหัวใจ มันยิ่งน่าติดตามเข้าไปใหญ่ เนื่องจากว่าคงจะได้ผ่อนอารมณ์ดราม่า หรือถ้าว่าบางครั้งก็อาจจะดราม่าใหญ่กว่าเดิมกันนะ ต้องการที่จะให้ทุกคนได้ทดสอบรับมองซีรีส์หัวข้อนี้ เพราะมันดีจังๆ
ที่ห่วงลูกและหลาน รวมทั้งเป็นจริงเป็นจังสำหรับเพื่อการรักษาความปลอดภัยให้กับเมืองที่เริ่มดำตรงสู่ความกลัว เหตุที่ทำให้ Mare of Easttown น่าดูแล้วก็มีพลัง เป็นการแสดงของวินสเลท ใบหน้าที่เขียนด้วยอารมณ์ทับซ้อน ทายใจไม่ได้ สมัยโบราณที่เบาๆถูกเปิดเผยแล้วก็ประกอบสร้างฐานะละครนี้ให้เต็มเปี่ยมด้วยมิติ การที่วินสเลท “ไม่ห่วงสวย” เป็นคุณทรัพย์สมบัติที่เราแลเห็นมาล้นหลามในหนังหลายเรื่อง แม้กระนั้นการไม่ห่วงสวยของคุณ ไม่ใช่กระบวนการทำให้บริเวณใบหน้าหมองคล้ำ หรือใส่เสื้อผ้าซอมซ่อ หรือปฏิบัติตัวเขละ (แบบที่ละครไทยถูกใจมีความคิดว่านี่เป็นวิธีการทำให้ศิลปินดูมีคุณภาพขึ้นมาได้) ถึงแม้ว่ามันเป็นการที่คุณสร้างบุคลิกภาพให้แมร์ เช่นเดียวกันกับเป็นคนจริงๆที่สัมผัสได้ ทั้งการพูดจา
หนัง ภาพยนตร์ Locke ผลงานการดูแลรวมทั้งเขียนบทของ Steven Knight ที่นอกจากจะต้องเชิดชูในทางของบทแล้วนั้น จึงควรขอยกความดีความชอบให้นักแสดงนำอย่าง Tom Hardy ที่เรียกว่าแบกทั้งเรื่อง จะไม่ให้แบกได้อย่างไร เพราะว่าตลอดชั่วโมงครึ่งเราแลเห็นเพียงชายคนนี้อีกทั้งเรื่อง แล้วหลังจากนั้นก็เจ้าตัวก็ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาเจริญรุ่งเรืองจริงๆ
ท่าทีสำหรับในการเดินเหิน การกิน การพูด ไม่มีการแอคติ้งเว่อร์วังใดๆก็ตามไม่มีฉากร้องไห้โชว์สกิล ไม่มีการ “มุมานะ” ทำตัวให้ดูเป็นแม่บ้านเผละๆที่ทุกข์ทรมานแสนสาหัสกับโบราณกาลอันชั่วร้าย แต่วินสเลทเข้าใจในดาราหนังนี้อย่างแท้จริง เข้าใจถึงการต่อสู้ในใจของคุณที่มากมากกว่าการต่อสู้กับมิจฉาชีพ การแสดงของคุณทำให้เราเชื่อไว้ใจว่าว่านี่เป็น แมร์ ตำรวจชนบทรวมถึงหญิงที่ต้องแบกโลกเอาไว้อีกทั้งใบ
หนังเน็ตฟลิกซ์กระแสแรงเวลานี้ยกให้เรื่อง ‘Do Revenge แค้นเคืองนัก…สลับกันแก้’ ผลงานของ เจนนิเฟอร์ เคย์ทิน โรบินสัน (Jennifer Kaytin Robinson) กับการดูแลแล้วหลังจากนั้นก็เขียนบทหนังยาววันหลังพึ่งมีผลหน้าที่การงานเขียนบทหนังสุดป่วง ‘Thor: Love and Thunder’ (2022) มาไม่นาน ซึ่งถ้าหากมองดูผลงานที่ผ่านมาของคุณก็อาจพอกล่าวได้ว่าคุณถนัดในหนังแนววัยรุ่นพลังหญิงอย่างในหัวข้อนี้มากกว่าพวกหนังฮีโรเสียอีก
ทั้งการเขียนบทซีรีส์ ‘Unpregnant’ (2021) ที่ว่าด้วยเพื่อนหญิงที่ตั้งดวงใจเข้าชั้นเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำแต่ดันพลาดมีท้องก่อน หรือซีรีส์ ‘Sweet/Vicious’ (2016) ที่บอกเล่าเรื่องราวของเพื่อนพ้องหญิงที่กระทำตัวเป็นศาลเตี้ยเอาคืนพวกล่วงละเมิดทางเพศในรั้วมหาวิทยาลัย จะแลเห็นได้ว่าแม้ว่าจะเป็นหนังซีรีส์วัยรุ่นธรรมดา แม้กระนั้นโรบินสันก็มักมีข้อความสำคัญบางสิ่งที่ต่างกันมานำเสนอ
ถึงคิวของหนังเขย่าขวัญที่ใครๆบอกว่าเป็นแนวที่ไม่ค่อยได้แลเห็นบ่อยสักเท่าไหร่ในวงการหนังไทย นี่เป็น “คืนหมีฆ่า The World of Killing People” หนังเลือดสาดเรื่องปัจจุบันนี้ที่กล้าทำออกมาลงโรงฉาย ที่บอกตรงๆคอนเซ็ปต์และจากนั้นก็ดาราภาพยนตร์ก็ชักชวนไปพิสูจน์อยู่ไม่น้อย แต่ว่าดันมาสะดุดตรงชื่อกรุ๊ปผู้สร้าง ที่เพิ่งเจ็บตัวไปปัจจุบันนี้กับหนังอสูรกายทุนกว่า 80 ล้านบาท ก็เลยแอบตั้งแง่ถึงแม้ก็ไม่อคติที่จะเปิดใจให้กว้างๆแล้วไปเสพกระเด็นรอยคราบเลือดในหนังประเด็นนี้
รีวิว Do Revenge ศัตรูของศัตรูเป็นมิตร
หนังวัยรุ่นเพียรแตกต่างกันที่ฝืนอย่างยิ่ง ถึงเวลาเอาคืนแล้วแรง! เมื่อสองสาวไฮสคูลเกิดทนไม่ไหวกับการโดนแกล้งสารพัดสารพัน พวกท่านก็เลยขอสลับกันเอาคืนทุกคนที่เคยบูลลี่ ทางแก้เผ็ดที่สุดแสนจะแซ่บจี๊ดเลยเริ่มขึ้น สิ่งที่ทำให้หนังเข้มข้นอีกประการเป็นการที่ดาราที่รายล้อมแมร์ ต่างมีเรื่องราวของตน รวมทั้งโดยมากเป็นตัวละครที่เป็นแม่นักสู้ ทั้งยังโลริ เพื่อนของแมร์ที่มีลูกสาวเป็นเด็กพิเศษ
เด็กสาวที่ถูกฆ่าเองก็เป็นแม่วัยรุ่น แม่ของเด็กหญิงอีกคนที่ล่องหนไปแถมยังมีแม่ของแมร์ รวมถึงแม่ของสายคู่ขาของแมร์ รวมถึงแม่คนอื่นๆอีกหลายท่าน ทั้งสิ้นนี้ทำให้เราแลเห็นสภาวะของสังคมในเมืองที่นี้ที่สตรีต้องแสดงบทบาทหนักสำหรับเพื่อการช่วยเหลือเกื้อกูลครอบครัว แถมยังมีฆาตกรทารุณไร้มนุษยธรรมคอยเพ่งมองทำร้ายแล้วก็จับตัวหญิงไปอีก เช่นเดียวกันกับชะตาชีวิตที่ลงโทษเหล่าหญิงในเมืองอยู่แล้วยังไม่หนักเพียงพอ
หนังมันเล่าง่ายๆถ้าหากบทไม่แข็ง ดาราภาพยนตร์เอาไม่อยู่มันก็จะน่าเบื่อในทันทีทันใด ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของ Ivan Locke ชายผู้เขียนงานแล้วก็หน้าที่การงานป้อมน่าจะ ดูราวกับว่าชีวิตเขาไปได้ดีไปได้สวย แม้กระนั้นแทนที่เขาจะขับขี่รถกลับไปอยู่บ้านไปพบลูกแล้วก็ภรรยา เขากลับขับขี่รถมุ่งหน้าไปที่นึงด้วยเหตุผลบางสิ่ง เขากำลังไปไหน ไปทำไม รวมทั้งระหว่างทางเขาจึงควรเจออะไรบ้าง ไปทดสอบหาคำตอบกันด้วยตัวเองเลยจ้ะขอรับ
คืนหมีฆ่า The World of Killing People เล่าราวภายใต้หน้ากากหมี ที่ถูกปกปิดเอาไว้ กำลังจะนำไปสู่ชะตาชีวิต ที่แปลงชีวิตของพวกเขาไปชั่วกับชั่วกัลป์ ‘ความลับ’ ที่คุณไม่อยากที่จะให้คนไหนกันแน่รู้ เรื่องราวที่คุณไม่อยากที่จะให้คนไหนแลเห็น กำลังถูกเฝ้า จากสายตาคู่หนึ่ง ในสถานที่ปิดตายที่นี้ เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนรัก ที่ตกลงปลงใจจะไปใช้เวลาตอนวันหยุดด้วยกัน ในบ้านด้านหลังหนึ่งตรงกลางป่าใหญ่
ถึงแม้เรื่องราวกลับไม่ได้คึกคักอย่างที่พวกเขาคิด เนื่องจากพวกเขากับถูกเพ่งดูจากบางสิ่งตลอดเวลา รวมถึงเสมอเหมือนยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไร สิ่งที่พวกเขาอุตสาหะจะปิดซ่อนไว้ กลับกำลังจะถูกเผยออกมา การไล่ตอนนี้แสนระทึกในสถานที่ปิดตาย ก็เลยเริ่มก่อตัวขึ้น พวกเขาจะหนีได้ไหม หรือจะลุกขึ้นยืนสู้กันมันได้ไหม และก็หนังเรื่องนี้
ก็คือผลงานการควบคุมและก็สร้างโดย “ลี ทองคำ” (เจ้าเดิมเจ้าเดิมจากหนังตัวประหลาดที่เจ็บหนักไปหมาดๆอย่าง ‘บีงกาฬ’) กับ “กานต์สกุล บรรจงตรอง” ที่ในคราวนี้ปรับโหมดในหนังแนว Slasher หรือหนังเขย่าขวัญเลือดสาด ที่จะว่าไปเราก็เคยเห็นฝั่งฮอลลิวูดสร้างอะไรทำนองนี้มาหลายทศวรรษแล้ว ทั้งยังหนังชั้นเยี่ยมรวมถึงเกรดบี ในวงการหนังไทยก็เคยมีอยู่บ้าง แต่ก็แค่กระจัดกระจายและก็ยังไม่ค่อยมีหนังแนวนี้ซาบซึ้งใจให้คิดออกมากมายสักเท่าไหร่
หนัง ภาพยนตร์ Circle
เป็นหนังที่สนุก ไม่น่าเบื่อ และก็สามารถดึงเราอยู่ได้จนกระทั่งจบเรื่อง ตัวหนังไม่มีอะไรเยอะมาก เล่าอย่างง่าย กับเรื่องราวที่เล่าถึงฝูงชนไม่รู้ต่างเพศ อายุ เชื้อชาติ หน้าที่การงาน 50 คน ถูกจับมารวมตัวกันในพื้นที่ปิด ยืนอยู่ในวงกลม ทั้งสิ้นไม่มีผู้ใดรู้ดีว่ามานี้ได้อย่างไร พวกเขารู้เพียงแต่ว่า หากออกนอกวงถูกตาย เมื่อมีเสียงเตือนหนึ่งในพวกเขาก็ตาย และไม่นานพวกเขาก็เอาใจใส่ได้ว่า ในทุกรอบทุกคนสามารถโหวตได้ว่าจะให้คนไหนกันตาย รวมทั้งโน่นเป็นจุดเริ่มต้นของความวายป่วงในวงกลมที่หายนะ
น่าเชื่อถือเลยว่า Mare of Easttown น่าจะปัดกวาดรางวัลเต็มไปหมดในฤดูกาลรางวัลปีถัดไป โดยเฉพาะ เคท วินสเลท ที่ความรู้ความเข้าใจไม่เคยตก แล้วหลังจากนั้นก็เลือกรับบทบาทได้ถูกตลอดช่วงชีวิตการแสดงของคุณ (ก่อนหน้านี้ คุณมีบทน่าประทับใจใน Ammonite หนังหญิงรักหญิงที่เด่นของปีให้หลัง) ผู้เขียนต้องการจะเทียบคุณกับเมอริล สตรีพ นักแสดงจำพวก “ข้าราชการ” สิ่งเดียวกัน ถึงแม้ในความเป็นจริงแล้ว ความเห็นเป็นวินสเลท มีแนวทางและจากนั้นก็ความรู้ความเข้าใจในบทที่ดีกว่าสตรีพ และไม่ติดยึดกับการ “แสดงความรู้สึก” แบบนักแสดงอเมริกัน (วินสเลทเป็นคนอังกฤษ ที่เริ่มจากการแสดงละครเวทีมาก่อน) พูดง่ายๆเป็นคุณเนียนกว่าและลึกซึ้งกว่านั่นเอง
เช่นเดียวกันใน ‘Do Revenge’ มันเกิดเหตุราวของ เดรดา วัยรุ่นภาษาละตินอเมริกันที่ฐานะทางบ้านธรรมดา ถึงแม้ว่ามีเป้าหมายทะเยอทะยายเป็นคนพิเศษในสังคมม. ปลายสุดไฮโซเพื่อก้าวต่อไปสู่การเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งคุณก็ใช้ทั้งความฉลาดแล้วก็การกดทับบุคคลอื่นเพื่อเอาชีวิตรอดในโลกของวัยรุ่นสุดวุ่นวาย จนกระทั่งวันหนึ่งคุณถูกกลับคืนจากคลิปหลุดจนกระทั่งเสียสถานะราชินีด้านสังคมไป รวมทั้งกำเนิดเป็นความขาดแคลนที่คุณปักใจเชื่อเอาเองว่าคุณถูกแกล้งจาก แม็กซ์ อดีตสมัยแฟนหนุ่มภาพลักษณ์ดีผู้เป็นกษัตริย์แสนรักของสถานที่เรียนที่นี้
แน่นอนว่า ลี ทองคำ ที่ยังควบตำแหน่งร่วมเขียนบทหนังหัวข้อนี้ด้วยนั้น เขาได้ทำการละเลงจิตนาการแล้วก็ภาพที่อย่างจะเล่าในหนังประเด็นนี้แบบสะอาด ก็คือเข้าให้อยู่นั่นแหละว่า Scream กรีดเต็มกำลัง ที่เป็นอย่างกับพ่อของหนังแนวนี้ๆทุกเรื่องก็คือต้นแบบที่ต้องการจะเอามาแต่งเป็นหนังไทยดูบ้าง หนังออนไลน์พากย์ไทยเต็มเรื่อง และมันก็ได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็น คืนหมีฆ่า The World of Killing People ที่บอกเลยว่าเข็ดจริงๆบังเอิญอีกว่าเดรอาได้บังเอิญมาพบกับ เอเลนอร์ สาวเฉิ่มเก็บตัวที่มีเงื่อนแค้นเคืองอดีตสมัยแฟนสาวเลสเบี้ยนของคุณเช่นกัน ทำให้เดรอาเกิดแผนสลับกันช่วยล้างแค้นแทนอีกเรา