Spider-Man Homecoming (2017)
Spider-Man Homecoming (2017) สไปเดอร์แมน: โฮมคัมมิง (อังกฤษ: Spider-Man: Homecoming) เป็นภาพยนตร์ซูเปอร์วีรบุรุษอเมริกันที่ดูแลโดยจอน วอตส์ เข้าฉายในปี พุทธศักราช 2560 ผลิตโดย มาร์เวล สตูดิโอส์ กับ ขว้างสค้างล พิคพบร์ส รวมทั้งจัดจำหน่ายโดย โคลัมเบียพิคเจอร์ส รวมทั้งเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลเฟส3 ตัวอย่างภาพยนตร์ออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 8 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2559
รีวิว Spider-Man: Homecoming สไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง เรื่องย่อหนัง ‘Spider-Man: Homecoming’ใน Civil War ชายหนุ่มสไปดี้ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ (Tom Holland) เคยได้ไปวาดลวดลายเป็นซูเปอร์วีรบุรุษเด็กสุดยียวนมาแล้ว แต่ว่าข้างหลังนั้น เขาก็ได้แปลงเป็นวีรบุรุษฝึกซ้อมของ โทนี่ สตาร์ค หรือก็คือ Iron Man (Robert Downey Jr.) เขาถูกประคบประหงมอย่างยอดเยี่ยม แต่บางทีอาจจะดีเกินความจำเป็นด้วยซ้ำ เพราะเหตุว่าดูราวกับว่าเขาจะถูกจับตาอยู่ทุกย่างก้าว จะทำอะไรไปไหนป๋าพี่เลี้ยงเด็กก็มักจะรู้อยู่ตลอด
รีวิว วิภาควิจารณ์หนัง Spider-Man Home coming 2017 หลังจากการรีบูทครั้งก่อนสร้างงานที่ดูไม่ค่อยน่าประทับใจนัก พวกเราก็อาจเริ่มต้นไม่คาดหมายกับการรีบูทครั้งใหม่นัก แต่ว่าผลก็กลับออกมาดีมากยิ่งกว่าที่คาด เมื่อมันเป็นหนังที่ใช้คาแรคเตอร์ความเหี้ยนของสไปดี้ออกมาได้สนุก ผสานความเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่แล้วก็หนังวัยรุ่นได้เหมาะเจาะดี
นี่คือหนังวัยรุ่นที่หุ้มห่ออยู่ในหนังซูเปอร์วีรบุรุษ
ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ในวัย 15 ปี ตอนที่เขายังเรียนไฮสกูลอยู่เลย แม้ว่าจะค้นพบตัวเองสำหรับการเป็นซูเปอร์วีรบุรุษที่มีความต้องการแรงกล้าที่จะใช้พลังพิเศษเพื่อช่วยทำให้สังคมมันน่าอยู่ แม้กระนั้นด้วยช่วงชีวิต ยังไงๆเขาก็ยังคงเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งอยู่ดีกลับมาครั้งนี้ถือว่าเข้าเป้าและเวิร์กมากมายๆเลยล่ะครับผม พูดได้เต็มปากว่าผมถูกใจแบบที่เคยถูกใจ Spider-Man 2] ภาคแรก (บางทีก็อาจจะชอบในคนละแบบ แต่ถ้าเกิดสรุปคะแนนในใจก็คือถูกใจมากพอๆกับกัน) ถือได้ว่าเป็นการรีบูทใหม่ที่ประสบผลสำเร็จเลยล่ะครับ ด้วยเหตุว่าหนังมองบันเทิงใจ เพลิน พอดีในแบบของมัน
ถ้าเกิดให้นิยามล่ะก็ ผมถือว่าฉบับนี้สามารถรวมเอาของดีของ Spider-Man ชุด Sam Raimi เข้ากับภาค Amazing ได้ มันมีทั้งความติดดินและความทะยานอยากผสมเข้าด้วยกัน และกลั้วด้วยความสนุกสนาน ความมันส์ รวมทั้งอารมณ์ขันที่หยอดมาอีกทั้งเรื่อง (แต่ไม่ล้น)
ฉบับนี้ลดความดราม่าและชีวิตรันทดแบบผู้ใหญ่ลง แล้วนำเสนอด้วยสไตล์ Coming of Age ซึ่งทำออกมาดีเลยล่ะขอรับ ประเด็นหลักในภาคนี้ก็คือการผจญภัยของ ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ (Tom Holland) กับการศึกษาวิถีของวีรบุรุษที่มาพร้อมความรับผิดชอบในระดับที่มากเกินกว่าที่เขาจะคาดคิด
ชอบที่ปีเตอร์มาพร้อมคาแรคเตอร์แบบที่วัยรุ่นดูเหมือนจะทุกคนเคยเป็นกันมาแล้ว เป็นเต็มไปด้วยคิดว่า “พวกเราเก่งนะ เราแน่นะ เราพร้อมต่อกรได้ทุกเรื่องแหละน่า” ชอบคิดว่าพวกเรารู้กันดีหมดทุกอย่างในจักรวาล และไม่ค่อยชอบเท่าไรหากคนไหนกันมาบอกว่าพวกเรายังเด็กอยู่
กำเนิดอะไรขึ้นข้างหลัง Civil War ?
ภายหลังที่สไปเดอร์-แมน ได้ออกมาปรากฎตัวแก่สาธารณะชนหนแรก (หลังรวมค่าย) ในภาพยนตร์เรื่อง Captain America : Civil War และได้ขความสงบซีนฮีโร่รุ่นพี่ไปได้อย่างแยบคาย ด้วยความสั้นอย่างน่ารักน่าเอ็นดู เมื่อเรื่องราวใน Civil War จบลง โทนี่กลับมาส่งปีเตอร์ที่บ้านของเขาในย่านควีนส์ รวมทั้งมอบชุด (ค่าหลายร้อยล้านบาท ตามที่สตาร์คบอก) ให้กับเจ้าเด็กเอาไว้ใช้ อย่างไรก็แล้วแต่ ปีเตอร์กลับทำให้พบว่า มันจะไปมีคุณประโยชน์อะไรเมื่อชุดสุดโก้แสนแพงที่สามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้หลายอย่าง (ไม่เชื่อหรอ ไปดูข้อมูลตรงนี้สิ รู้จักกับ 7 ฟีพบร์ใหม่สุดล้ำในชุด Spider-Man ภาคล่าสุด) Spider-Man Homecoming (2017) กลับถูกนำมาใช้เพียงเพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์เล็กๆน้อยๆในบ้านใกล้เรือนเคียงเท่านั้น ด้วยเหตุว่าสตาร์คมองว่าเขายังเป็นเพียงแค่วัยรุ่น ยังไม่เหมาะจะเปลี่ยนเป็นวีรบุรุษเต็มกำลังแบบพวกรุ่นพี่ Avengers และก็นี่เองเป็นจุดเริ่มแรกการพิสูจน์ตนเองของปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ว่าเขาทำอะไรได้มากกว่าที่โทนี่คิดไว้มาก
ในที่สุดพวกเราก็พบว่า ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ชายหนุ่มมัธยมทำเนื้อประพฤติตนสมเป็นวัยรุ่นผู้ไม่ประสาโลกเสียเชิง ภายหลังที่โคตรคูลในเวอร์ชั่น 2002 (กับฉากในตำนานที่ โทบี แมกแกว่งไกวร์ ห้อยหัวจูบ คริสเต็น ดันส์ต) รวมทั้งมาหล่อน่ารักในปี 2014 ซึ่งปีเตอร์ของทั้งสองเวอร์ชั่นเป็นเด็กเนิร์ด ขวยเขินที่ถูกแมงมุมกัดแล้วบังเอิญไปมีพลังพิเศษ
ปีเตอร์ใน Spider-Man: Homecoming ก็ไม่ต่างอะไร เพียงแต่มันดูเหมือนเด็ก 14 (ปิ้ง15) จริงๆตรงที่มันเหี้ยนมากมายๆครึ่งเรื่องนี่ดำเนินไปด้วยความไม่รู้เหนือรู้ใต้ของมันล้วนๆหนังไม่ฟูมฟักรักษาความเป็นเด็กของปีเตอร์ด้วยการให้เขาจำเป็นต้องตกลงใจเลือกทำภารกิจระหว่างตามผู้ร้ายหรือไปสอบภาษาสเปน
หนังทำให้เกิดความรู้สึกตลอดว่าปีเตอร์ต่อสู้ไม่เก่ง โย่งเย่ง แค่ไต่กำแพงก็จำเป็นต้องลุ้นแล้วว่ามันจะตกลงมาไหม ซึ่งเป็นเรื่องน่าสนใจมากเมื่อมองดูย้อนไปว่า หนังซูเปอร์วีรบุรุษเรื่องไหนๆพวกเขาก็จะต้องต่อสู้เก่งเป็นพื้นฐานไม่ว่าจะเจอฆาตกรเก่งเท่าใดก็ตาม แต่ว่าปีเตอร์ไม่ใช่แบบนั้น เขาเป็นเด็กหนุ่มสาวที่ชีวิตไม่เคยผ่านการต่อยตีมาก่อนและก็บังเอิญมีพลังพิเศษ หนังก็เลยถ่ายเขาออกมาในฐานะผู้ริเริ่มฝึกรู้จักตัวเองเสียใหม่
Tom Holland ผ่านฉลุยกับบทสไปดี้ในแบบของเขาเอง
เขาเป็นวัยรุ่นที่ฮอร์โมนกำลังทำงาน กำลังกระหายที่จะพิสูจน์ว่าตนเป็นผู้ที่มีค่าแล้วก็มีความสามารถ แม้กระนั้นแม้เขาจะมีพลังพิเศษเหนือคนใดกันแน่ก็เหอะ เขาก็ยังเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่อยู่บนทางแยก เขาบางทีอาจเลือกเดินทางสายง่ายเพื่อประโยชน์ของตน (แบบที่วัลพบร์เลือก) หรือจะเลือกเส้นทางสายยากสำหรับการเอาพลังที่มีไปใช้ประโยชน์เพื่อคนอื่นในสังคม (แต่ว่าบางทีอาจจำต้องแลกเปลี่ยนมาด้วยความเจ็บปวด ความลำบาก รวมทั้งเงืินทองคำในกระเป๋าที่ไม่ได้มีเยอะแยะ)
Spider-Man Homecoming (2017) สไปเดอร์แมน: โฮมคัมมิ่ง พากย์ไทย เป็นเรื่องราวของ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ในวัยมันส์ไฮสคูล ชายหนุ่มเนิร์ดฉลาดวัย15 ที่ยังคงใช้ชีวิตเหมือนผู้เรียนไฮสคูลทั่วๆไป ปัญหาของปีเตอร์ในวัยนี้จะเป็นปัญหาแบบ must have ที่พบเห็นได้ในหนัง coming of age
ดยบริบทแล้วภาคนี้เหมือนเป็นการรับน้องสไปเดอร์แมนครับผม โดยพี่เลี้ยงอย่างโทนี่ สตาร์กก็เป็นเสมือนคนดูแลที่ดูอยู่ไกลๆและก็ทดสอบความ “จิตใจ” ของเด็กน้อยคนนี้ อยากทราบว่าหมอนี่เป็นเพชรแท้หรือไม่ ถือว่าเป็นการเปิดตัวสไปดี้คนใหม่และก็เป็นการเชื่อมเรื่องนำพาให้สไปดี้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว Marvel Universe ได้อย่างเหมาะเหม็ง
ผมชอบที่หนังหยอดฉากเล็กๆน้อยๆแม้กระนั้นสื่อความหมายลงมาเรื่อยไม่ว่าจะฉากตอนสไปดี้ช่วยคุณลุงร้านชำที่เขารู้จัก หรือความข้องเกี่ยวระหว่างเขากับป้าเมย์ที่ว่ากันอันที่จริงแล้วจำนวนป้าเมย์ในเรื่องจัดว่ามีน้อยครับผม แต่ว่ามันมิได้น้อยจนถึงน่ารังเกียจ ด้วยเหตุว่าอย่างต่ำหนังก็ให้พื้นที่ป้าเมย์ได้แก้ไขจิตใจหลานในเวลาที่เขาอ่อนเพลีย หรือฉากที่ป้าช่วยตระเตรียมชุดในวันงานเต้นรำ ผมว่าฉากนี้สื่ออารมณ์สวยระหว่างป้าๆหลานๆได้พอเหมาะพอควร
Marisa Tomei เป็นป้าเมย์ได้ดีครับ ก็แค่บทอาจไม่มากมายเพียงแค่นั้นล่ะ แต่ว่าก็เริ่มเข้าใจน่ะนะครับ เรื่องของปีเตอร์ในฉบับนี้ยังเป็นเรื่องวัยเรียน ศูนย์กลางโดยมากของเรื่องก็เลยชอบอยู่กับตัวปีเตอร์เองหรือไม่ก็ผองสหาย ซึ่งจะไม่เหมือนกับฉบับ Raimi ที่ปีเตอร์เป็นวัยทำงานแล้ว
หนังทำให้ทีท่าที่เรามีต่อหนังซูเปอร์ฮีโร่ สูตรธรรมะชนะอธรรม เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง กล่าวกล้วยๆคือการนั่งนอนบนเบาะนุ่มๆในโรงภาพยนต์เป็นการมาดูเหล่าวีรบุรุษสู้กับฆาตกรเพื่อจบแบบหล่อๆสวยๆแต่อันนี้ไม่ใช่ ปีเตอร์เป็นเด็กเรียนเก่ง ร่างกายดี เนิร์ดแล้วก็เกรียน (กากด้วย) เป็นเด็กแบบที่คราวหนึ่งคนเคยเป็นวัยรุ่นทุกคนก็เคยเป็น พวกเรานิยามภาวการณ์นั้นง่ายๆว่าความเสร่อ
กลับมานั่งนึกนานมากว่าทำไมชอบปีเตอร์กากๆเวอร์ชั่นนี้ อาจด้วยเหตุว่าคิดว่าตัวเองรีเลทกับมันราวๆหนึ่ง ชอบความไม่คูลเลยของมันแม้จะอยากคูลมากแค่ไหนก็ตาม เป็นวัยรุ่นที่มีเวลาก็แพล่มกล่าวอะไรเลื่อนเปื้อน ใส่หูฟังตลอดระยะเวลา เพ้อฝันอีกโดยประมาณหนึ่ง ใช้เวลาว่างกับเพื่อนพ้องสำหรับในการต่อเลหรูหราสตาร์วอร์ส
นอกเหนือจากนี้ ที่ถูกใจมากมายๆเป็นการแคสต์นักแสดง เนด เพื่อนรักของปีเตอร์ที่เราจำเป็นต้องเคยมีเขาอยู่ในชั้นเรียนยุคยังเด็ก คนที่ไม่ป๊อป โดนล้อ แต่ว่าก็เป็นมิตร กับคุณลุง ไมเคิล คีตัน ในบทตัวร้ายที่ไม่ทึ่มเลย และก็เล่นได้อย่างรุกรามมากมายๆ(แอบลิงค์ไมเคิลกับหนัง Bird Man ที่แกเคยแสดงแบบเดียวกัน ไม่รู้เรื่องทีมงานเจตนาไหม)
ความเกี่ยวเนื่องระหว่าง Iron Man รวมทั้ง Spider-Man
จากที่ได้เห็นกันในเทรลเลอร์ คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อนข้างจะดูอย่างกับว่า พ่อ-ลูกอยู่ไม่น้อย ซึ่งก็สอดคล้องกับในคอมมิคที่โทนี่ก็ดูปาร์คเกอร์เป็นเด็กคนหนึ่งที่เขารักเช่นกัน แม้กระนั้น Spider-Man Homecoming (2017) ความรักที่เกิดขึ้นนี้อาจมีที่มาจากการที่ปีเตอร์ขาดความรักแบบ Paternal Love เนื่องจากว่าอย่างที่พวกเราทราบๆกันดี ว่าปีเตอร์จำต้องเติบโตมาพร้อมกับคุณลุงรวมทั้งป้า แถมยังจะต้องมาสูญเสียคุณลุงเบนไปอีก (อันนี้อาจไม่เรียกว่าสปอยล์แล้วเนอะ) ทำให้เขาอาจรู้สึกขาดโรล โมเดล ที่เป็นเพศชาย รวมทั้งแม้ว่าความรักที่ป้าเมย์มีให้เขาจะมากมายอยู่และตาม แต่ว่าลึกๆแล้ว วัยรุ่นทั่วไปก็อาจจะอยากความรักจากทั้งคนที่เป็นโรล โมเดลทั้งฝ่ายหญิงและชายล่ะ จริงไหม ดังนี้ เว้นเสียแต่น้องสไปดี้แกจะสรรเสริญไอรอนแมนเอามากๆแล้ว น้องเขาก็ยังถูกใจกัปตันอเมริกาไม่ได้น้อยไปกว่าพี่โทนี่เลย ถึงแม้จะเคยต่อสู้กันมาแล้วหลังจากนั้นก็ตาม